Luang Pho Boonme's wax statue
Luang Pho Boonme's body is placed in a coffin
Taxidermy Crocodile (sacred animal)
the reclining Buddha in Tham Phranon cave
A lot of Hindu gods and goddess
hermit is named Sukka Tanta Ruesi
walk up the steps to the building on the hillside
Inside the building, you will see a stupa
look at the photo of Khao Samo Kon Hill from those days
King Rama 5 once walked up Khao Samo Kon Hill
Old Buddha statue is called Luang Pho Samrit
The 1st abbot isPhra Upatcha Khong
Wat Khao Samo Kon
Update : November 18, 2022
It's considered as a very important temple in Thai history. And the Legend behind Khao Samo Kon hill attracts me to this place. How important is it? Let's listen.
1. Khao Samo Kon Hill was once called "Doi Thammic". There are a total of four temples on the hill. Wat Khao Samo Kon is one of those temples. No one knows when it was built, but we know only it was restored in 1782.
After a century of restoration, King Rama 5 came here by boat. You might be wondering why? because, in the past, the location of Khao Samo Kon hill was surrounded by water. Look at the photo above, you will see boats including a stupa on the hilltop. But now you can't find the stupa because the statue of Hanuman carrying a mountain was built to replace the stupa.
2. According to a chapter of Ramayana story, It says that Luxman (brother of Lord Rama) got injured by a powerful arrow while fighting and then became unconscious. So Hanuman, a devotee of Lord Rama, flew to a mountain to get a magical herb (Sanjeevani). Sanjeevani herb is believed to have a power to revive the patient from near death back to life.
When he reached there, he couldn't find that herb. So he decided to lift the whole mountain and brought to the battlefield. When he flew back, a rock fell down the mountain. The falling rock is believed to be Khao Samo Kon Hill.
3. It's siad that Khao Samo Kon Hill was a hermit's residence - his name is Sukka Tanta. He was a teacher of King Ramkhamhaeng the Great, Phraya Ngam Mueang (the king of Phayao city) and Phraya Lerthai (the son of King Ramkhamhaeng). They all came here to study arts.
4. The temple holds annual festivals twice a year, that allow you to pay homage to the priceless Buddha statue, named Luang Pho Samrit. The Buddha statue was found in a cave near Wat Khao Samo Kon.
Let me tell you a story of LP Samrit. LP Samrit met the first abbot (Phra Upatcha Khong) in a vison and told him that LP Samrit wanted to join him in making merit and goodness. Also, the first abbot was told to search for the statue of LP Samit in the area where the light gushed out. After he had found the statue, he took it to Wat Khao Samo Kon.
5. In the past, several famous monks lived here. And their bodies are still kept in a building, which is called "Ho Burapachan". Inside, you will see the wax statue of Luang Pho Boonme (the 2nd abbot) and his body in a glass coffin. And the other coffin is the body of Phra Archan Chaloy (the 3rd abbot).
Luang Pho Boonme had a close friend in Singburi, who was famous throughout Asia. If I mention his name, I think most of them know who he is. His name is Luang Pho Phae of Wat Pikunthong.
After reading a very long story, you might get bored. All right, It's time to explore the temple. details are as follows:
1. The building is called "Ho Burapachan" opposite the mouth of Phranon cave. It is a place where you will see the bodies of two former abbots and sacred objects.
2. Tham Phranon cave is a medium sized cave. Inside, there are lots of Hindu god statues, Buddha statues and Sukka Tanta hermit. It will take about 20 minutes to explore this cave.
3. Near Phranon cave, you will see the steps on a hillside, that lead you to the building. Inside, you will see a stupa and few Buddha statues as the photo above.
4. Hanuman carrying a mountain on the hilltop is the best viewpoint in the temple, where you can get a bird's eye view.
วัดเขาสมอคอน
วัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างมากในทางประวัติศาสตร์ จะมีความสำคัญอย่างไร มาฟังกันทีละข้อนะคะ
1. เขาสมอคอน เดิมเรียกว่าดอยธัมมิก เป็นเขาตั้งอยู่กลางทุ่งนา โดยมีวัดที่อยู่บนเทือกเขานี้ทั้งหมด 4 วัด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ วัดเขาสมอคอน ตั้งอยู่บนยอดเขายอดหนึ่ง เป็นวัดเก่าแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างเมื่อไร ทราบเพียงว่าวัดได้รับการบูรณะในปี พ.ศ.2325
ต่อมาในปี พ.ศ.2448 (ดูรูปด้านบน) ร.5 ได้นั่งเรือมาที่วัดนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องนั่งเรือมา เพราะสมัยก่อนบริเวณโดยรอบเขาเป็นพื้นน้ำ ส่วนเจดีย์ที่อยู่บนยอดเขาก็ถูกเปลี่ยนเป็นรูปปั้นหนุมานแบกภูเขาแทน
2. เป็นวัดที่มีตำนาน เล่ากันว่า เมื่อพระลักษมณ์ถูกศรของอินทรชิตสลบไป หนุมานได้อาสาไปหาต้นสังกรณีตรีชวาที่เขาสรรพยา เพื่อนำมารักษาพระลักษมณ์ แต่หาไม่พบ จึงได้แบกเอาภูเขามาทั้งลูก และมีหินก้อนนึงล่วงลงมากลางทุ่งนา หินก้อนนั้นก็คือ "เขาสมอคอน" นั่นเอง
3. เล่ากันว่า เขาสมอคอนเป็นที่อยู่ของ "สุกกทันตฤาษี" ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระเจ้ารามคำแหงมหาราชและพระยางำเมือง (กษัตริย์เมืองพะเยา) ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้มาเรียนวิชาที่นี่
อีกตำนานกล่าวว่า พระเจ้าเลอไท ก็ได้มาที่นี่เพื่อมากราบท่านสุกกทันตฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์และพระบิดา (พ่อขุนรามคำแหง) ดังนั้น วัดนี้ถือว่าเป็น "สำนักตักสิลา" ก็ว่าได้
4. ทางวัดจะจัดงานในเดือน 4 และเดือน 11 ทุกปี โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป เข้ามากราบ พระพุทธรูปคู่วัด นามว่า "หลวงพ่อสัมฤทธิ์" (พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน หน้าตักสูง 16 นิ้ว นั่งขัดสมาธิเพชร)
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ได้มาพบพระอุปัชฌาย์ก๋งในนิมิต แล้วบอกกับท่านว่า ต้องการมาร่วมสร้างบารมีกับท่าน โดยให้ท่านไปหาหลวงพ่อในบริเวณที่มีแสงพวยพุ่งออกมา และอัญเชิญมาอยู่ด้วย ท่านจึงได้ไปเสาะหาหลวงพ่อตามนิมิต และได้พบกับพระพุทธรูปในถ้ำของวัดแห่งนึง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเขาสมอคอน และได้ทำพิธีอัญเชิญมาที่วัด
หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นพระที่ได้รับความเคารพอย่างมาก ทุกครั้งที่ทางวัดมีการปลุกเสกเครื่องรางของขลังหรือพระเครื่อง ก็มักจะสร้างวัตถุมงคลรูปหลวงพ่อสัมฤทธิ์ และอัญเชิญหลวงพ่อสัมฤทธิ์มาเป็นองค์ประธานด้วยทุกครั้ง
5. มีพระเกจิดังอยู่ที่นี่หลายรูป โดยพระอุปัชฌาย์รูปแรกคือ พระครูประเวศทิพากร (พระอุปัชฌาย์ก๋ง), พระครูอาทรสิกขกิจ (หลวงพ่อบุญมี) และหลวงพ่อฉลวย กัลยาโณ
ประวัติพระเกจิ
พระอุปัชฌาย์ก๋ง มีฉายาว่า จนฺทสโร เกิดในสมัย ร.3 มรณภาพ 25 ธ.ค. พ.ศ.2468 อายุ 100+ ปี (แต่ไม่ทราบแน่ว่าชัดว่าอายุร้อยกว่าเท่าไร) ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ก็มีหลากหลาย เช่น มีดหมอ แหวนพิรอด ผ้ายันต์ ตะกรุด หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ซึ่งสร้างเป็นพระพุทธรูปและเหรียญพิมพ์หยดน้ำ แต่ที่นิยมสะสมกันมาก คือ เหรียญรูปเหมือนของท่าน ซึ่งสร้างในปี พ.ศ.2460
เมื่อพระอุปัชฌาย์ก๋งมรณภาพ เจ้าอาวาสรูปถัดมาคือ หลวงพ่อบุญมี อิสฺสโร ซึ่งขณะนั้นมีอายุเพียง 26 ปี ท่านเป็นลูกศิษย์ที่ติดตามพระอุปัชฌาย์ก๋งออกธุดงค์ และได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ เมื่ออายุครบ 21 ปี ท่านได้อุปสมบทที่ วัดมุจลินท์ จ.ลพบุรี (ท่านบวชได้แค่ 5 พรรษา พระอุปัชฌาย์ก๋งก็มรณภาพ) จากนั้นท่านก็ได้ไปเรียนวิชาอาคมจาก หลวงพ่อสาย วัดเสือ, พระอุปัชฌาย์สุข วัดบางลี่ (ศิษย์พี่) และหลวงพ่อแขก วัดหนองมน
หลวงพ่อบุญมี ยังมีชื่อด้านการสักยันต์ สมัยก่อนแถววัดเขาสมอคอนมีโจรชุกชุม ลูกศิษย์ของท่านจึงขอร้องให้ท่านสักยันต์ให้ แต่ภายหลังท่านทราบว่าลูกศิษย์ของท่านได้กลายไปเป็นโจร ท่านจึงไม่สักยันต์ให้ใครอีกเลย
นอกจากนี้ท่านยังได้สร้างมีดหมอ โดยเริ่มสร้างในปี พ.ศ.2480 ซึ่งยึดตามตำราที่ได้เรียนมาจากพระอุปัชฌาย์ก๋ง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกผีเข้า เมื่อชาวบ้านนำกลับไปใช้ ก็ได้ผลดี จึงได้ทำให้มีดหมอของท่านเป็นที่ต้องการ ชาวบ้านทราบว่าท่านชอบดูลิเก ทุกครั้งที่วัดมีงานมหรสพ จะมีคนมารำลิเกถวายท่านทุกครั้ง โดยพวกเขาไม่ขอรับค่าจ้าง แต่ขอเป็นมีดหมอแทน
สหธรรมมิกของท่าน คือ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ท่านสนิทกันและไปมาหาสู่กันบ่อย หลวงพ่อแพมักจะเอ่ยถึงหลวงพ่อบุญมีเสมอว่า "ท่านหินนี้เก่ง" (หลวงพ่อแพเรียกหลวงพ่อบุญมีว่า หลวงพ่อหิน) พวกท่านมักได้รับนิมนต์ไปร่วมในพิธีสำคัญด้วยกันบ่อยครั้ง จนลูกศิษย์ได้จัดสร้างเหรียญสองอาจารย์ขึ้นถวาย โดยเป็นเหรียญรูปไข่ ด้านนึงเป็นรูปหลวงพ่อแพเต็มองค์ อีกด้านรูปหลวงพ่อบุญมีครึ่งองค์
ส่วนวัตถุมงคงที่หลวงพ่อบุญมีสร้างมีมากมาย เช่น ตะกรุดจารมือ เหรียญรูปเหมือน (เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อบุญมี, พระอุปัชฌาย์ก๋ง และหลวงพ่อสัมฤทธิ์) พระพิมพ์สมเด็จเนื้อผง รูปถ่าย ฯลฯ สำหรับเหรียญรุ่นแรก สร้างในปี พ.ศ.2497
หลวงพ่อบุญมี มรณภาพ วันที่ 6 ตุลาคม 2525 สิริอายุรวม 84 ปี ปัจจุบันสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย และได้บรรจุในโลงแก้ว ในหอบูรพาจารย์ ซึ่งตรงกลางเป็นหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อบุญมี ด้านซ้ายเป็นโลงแก้วของท่าน ส่วนด้านขวาคือโลงแก้วของพระอาจารย์ฉลวย (ท่านเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงพ่อบุญมี)
สิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้ มีดังนี้
1. หอบูรพาจารย์ ซึ่งประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อบุญมี และร่างของท่าน กับ ร่างของพระอาจารย์ฉลวย (เจ้าอาวาสรูปที่ 2-3 ของวัด)
ภายในห้องนี้ก็มีเรื่องเล่าด้วยนะ เห็นจระเข้ไหมคะ เป็นจระเข้ที่คนนำมาถวาย ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า ท่านได้จัดห้องใหม่ โดยนำโลงของหลวงพ่อทั้งสองที่เคยวางซ้อนกัน มาวางแยกกัน เพื่อให้คนที่มากราบหลวงพ่อสามารถเดินลอดผ่านโลงทั้งสองได้
ตอนนั้นท่านได้นำจระเข้ที่เคยวางอยู่ในห้องนี้ ไปไว้ที่อื่น หลังจากนั้นไม่นาน มีคนจากต่างจังหวัดมาหาหลวงพ่อแล้วถามหลวงพ่อว่าจระเข้อยู่ไหน หลวงพ่อจึงถามว่า รู้ได้อย่างไรว่ามีจระเข้ที่นี่ เขาตอบว่า เขาเป็นคนนำจระเข้มาถวายวัดและจระเข้ได้ไปเข้าฝัน เขาจึงขับรถมาที่นี่ ดังนั้นหลวงพ่อจึงได้นำจระเข้กลับมาไว้ในห้องนี้เหมือนเดิม
2. ถ้ำพระนอน ปากทางเข้าถ้ำอยู่ตรงข้ามกับหอบูรพาจารย์ ภายในมีพระนอน เทพฮินดู พ่อแก่ สุกกทันตฤาษี ฯลฯ เป็นถ้ำขนาดกลางๆ ใช้เวลาเดิน 20 นาที ภายในพื้นถ้ำปูกระเบื้องทำให้เดินง่าย อากาศเย็นสบาย แต่มีบางช่วงที่ต้องก้มตัวเยอะ เพราะเพดานถ้ำต่ำมากๆ
3. ด้านข้างถ้ำพระนอน มีบันไดขึ้นไปบนเขา ด้านบนมี เจดีย์ทรงลังกาย่อมุมไม้สิบสอง และพระพุทธรูปไม่กี่องค์ (ดูรูปด้านบน) ถือเป็นจุดชมวิวอีกแห่งนึงในวัด
4.จุดชมวิวบนเขาสมอคอน (อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด) ที่มีรูปปั้นหนุมานแบกเขาสรรพยา
เมื่อมาถึงวัดไม่ต้องกลัวลิงนะคะ ทางวัดมีคนดูแลรถให้ทุกคน ปลอดภัย สบายใจได้