It's 46 meters long and 15 meters high

Photography hot spots

 this gate is guarded by a couple of Marco Polo

each big stupa is 42 meters high

Wat Pho is the birthplace of traditional Thai Massage 

ashes of King Rama 1 are kept under the Buddha statues in the ordination hall

Wat Pho (The Temple of the Reclining Buddha)

Update : July 30, 2023

The temple is officially named Wat Phra Chetuphon Wimonmangkhalaram, located behind The Grand Palace. When you arrive at Wat Pho, you will see spires of four big stupas and unique temple gates. 

There are three gates to the temple, decorated with Chinese tiles and topped with a crown-like spire. Each gate is guarded by a couple of big statues like Chinese warrior, nobleman, Marco Polo, etc.

The temple area is quite large, if you don't have much time to explore every corner of the temple, don't miss the reclining Buddha statue. The Buddha statue is enshrined in a building which is called "Viharn Phranon". 

The temple provides a bag to store your shoes, you need to take off your shoes, and carry them with you inside Viharn Phranon. 

Inside, you will see alms bowls along the side of the reclining Buddha. Most visitors often drop a coin in each alms bowl. If you want to be part of this Buddhist activity, just donate 20 baht, you will get a bowl of coins. 

After worshipping the reclining Buddha, don't forget to return your shoes bag. You then walk through another gate that is guarded by a couple of Marco Polo. Did you know Marco Polo? He was one of the most famous explorers in history, whose book inspired Christopher Columbus to begin his own adventures.

When you enter the gate, a group of four big stupas will be on the right, while the ordination hall enclosed by double walls is located opposite the four stupas.

The four big stupas are enclosed with the wall by the order of King Rama 4. The king didn't want future kings to build more stupas because four kings (King Rama 1-4) of the Chakri Dynasty could see each other in the same period of time.

Near the entrance to the four big stupas, there are hermit statues in different postures. Each posture can cure minor illnesses, reduce stress and improve sleep. 

These statues were made by the order of King Rama 1 and King Rama 3, because the kings wanted to make Wat Pho to be a center for medical science and knowledge. These statues were made of clay in the reign of King Rama 1, but King Rama 3 changed them to stone.

For those who want to get relaxed, I definitely recommend a Massage shop at Wat Pho, because it's the birthplace of traditional Thai Massage. It's open daily from 9.00am to 5.00pm, but you should get there before noon to avoid long queues. You won't be disappointed, many tourists decide to get a massage at Wat Pho based on 5-star reviews on TripAdvisor.

 

The importance of the temple

1.It's recognized as the temple of King Rama 1, whose ashes are kept under the principal Buddha statue in ordination hall.

2.It's considered to be the first public university of Thailand, which was registered by UNESCO as a World Memory Heritage Site of the Asia-Pacific region.

3.It houses the largest number of stupas in Thailand, totaling 99 stupas. 


The history of the temple

It's an ancient temple dating back to the Ayutthaya period. The temple was restored in 1788 by the order of King Rama 1. This first restoration took about 7 years to complete. 

And it was restored again in 1832 in the reign of King Rama 3. But this time it was the great restoration, that took about 16 years to finish. During his reign, the ordination hall was rebuilt and enlarged, the reclining Buddha statue was built, etc. 

The 46-meter-long reclining Buddha was made of bricks and plaster, and gilded with gold. And the Buddha's feet are inlaid with mother of pearl showing 108 auspicious signs of the Buddha. It's regarded as the third longest reclining Buddha statue in Thailand.

วัดโพธิ์

วัดโพธิ์ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม" ตั้งอยู่ด้านหลัง พระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) เมื่อมาถึงวัด เราจะเห็นยอดแหลมของเจดีย์ใหญ่ และซุ้มประตูทางเข้าที่ประดับด้วยเศษกระเบื้อง เดินผ่านประตูวัดเข้าไปได้เลยคะ ทางเข้าวัดหลักๆ มี 3 ทาง

ภายในวัดค่อนข้างกว้างขวาง เมื่อมาถึงวัดให้เดินไปกราบ "พระนอน" ก่อนเลย เพราะถือว่าเป็น ไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งวิหารพระนอนตั้งอยู่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้าวัด (ประตูทางเข้าฝั่งท่าเตียน ซึ่งท่าเตียนคือชื่อท่าเรือข้ามฟาก) ก่อนเดินเข้าในวิหาร เราจะเห็นถุงผ้า ให้เราเอารองเท้าใส่ถุงผ้าและเดินถือเข้าไป เพื่อป้องกันรองเท้าหาย

ภายในวิหาร มีบาตรพระตั้งเรียงรายหลายสิบใบ เพื่อนๆ สามารถทำบุญได้ โดยหย่อนเงิน 20 บาทในตู้บริจาค และเราก็จะได้ถ้วยที่มีเหรียญสตางค์ เราก็ไปเอาหย่อนในบาตรพระ เมื่อเดินออกจากวิหาร ด้านขวามือจะเป็นมุมยอดฮิตที่ทุกคนต้องไปถ่ายรูป ส่วนด้านหน้าจะมีซุ้มประตู และรูปปั้นตุ๊กตาฝรั่ง นั่นคือรูปปั้นของมาร์โค โปโล 

บางคนอาจไม่รู้ว่า มาร์โค โปโล คือใคร? มาร์โค โปโล คือนักเดินทางค้าขาย และนักสำรวจชาวเวนิส-อิตาลี เขาได้รับการยกย่องให้เป็น "นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 13" เป็นคนแรกที่ได้สำรวจดินแดบางส่วนของเอเชีย และทิ้งบันทึกเรื่องราวของเขาเอาไว้ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (ผู้ค้นพบแผ่นดินทวีปอเมริกา) และนักเดินทางคนอื่นๆ ให้ออกเดินทางไปสำรวจโลก ซึ่งเรื่องราวของเขามีอิทธิพลต่อการทำแผนที่ยุโรปอีกด้วยนะ 

เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูที่มีรูปปั้นมาร์โค ด้านซ้ายจะมีร้านขายของที่ระลึกและห้องน้ำ ด้านหน้าจะเป็นทางนำไปยังอุโบสถ ส่วนทางขวา จะมีเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ มีชื่อเรียกว่า "พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล" หลายๆ คน เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณนี้ มักจะหาทางออกไม่เจอ ให้สังเกตุยอดแหลมของเจดีย์ทั้ง 4 นะคะ จะช่วยทำให้เราเดินกลับมายังวิหารพระนอนได้

ส่วนด้านหน้าทางเข้าไปยังพระมหาเจดีย์สี่รัชกาล จะมีเนินหิน ศิวลึงค์ และรูปปั้นฤาษีดัดตนในแบบต่างๆ เนื่องจาก ร.1 และ ร.3 ต้องการทำให้วัดโพธิ์เป็นแหล่งเรียนรู้ จึงให้มีรวบรวมการแพทย์แผนโบราณไว้ และสร้างรูปปั้นฤาษีดัดตนขึ้น

สำหรับใครที่อยากมานวด ในวัดโพธิ์ก็มีร้านนวด โดยร้านเปิดเวลา 9.00-17.00 น. นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนสอนนวดด้วยนะ ซึ่งรับรองว่าใครที่มานวดที่นี่ อาการปวดเมื่อยจะหายไปเลย เพราะหมอนวดทุกคนได้รับการฝึกอบรม และมีความรู้ในการนวดอย่างดี

ความสำคัญของวัด

1.วัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาล 1 (พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก) ซึ่งอัฐิของ ร.1 ก็ถูกเก็บไว้ที่ใต้ฐานพระประธานในอุโบสถของวัด

2.วัดโพธิ์ ถือเป็น "มหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย" เพราะมีการรวบรวมความรู้ต่างๆ มาไว้ที่นี่ โดยทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 

3.เป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ คือ 99 องค์ แต่มีเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ ที่ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นเจดีย์ประจำ ร.1-ร.4 มีชื่อเรียกว่า "พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล" เจดีย์แต่ละองค์สูง 42 เมตร

เจดีย์สีเขียว นามว่า "พระเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ" สร้างโดย ร.1 เพื่อประดิษฐาน "พระศรีสรรเพชญดาญาณ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ย้ายมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ จ.อยุธยา

เจดีย์สีขาว นามว่า "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน" สร้างโดย ร.3 เพื่ออุทิศให้ ร.2

เจดีย์สีเหลือง นามว่า "พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร" สร้างโดย ร.3 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา 

เจดีย์สีน้ำเงิน นามว่า "พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย" สร้างโดย ร.4 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา  

หลังจากที่เจดีย์ทั้งสี่องค์ถูกสร้าง ร.4 ก็ให้สร้างกำแพงล้อมรอบเจดีย์ทั้งหมด เนื่องจากพระองค์เห็นว่า กษัตริย์ทั้งสี่พระองค์นั้น ท่านได้เคยเห็นกันทั้งหมด จึงไม่ควรให้กษัตริย์องค์อื่นๆ มาสร้างเจดีย์เพิ่ม


ประวัติวัด

สันนิษฐานว่า วัดสร้างในสมัยอยุธยาแต่ไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมาในปี พ.ศ.2331 ซึ่งตรงกับ ร.1 พระองค์ให้บูรณะวัด และสร้างอุโบสถ วิหาร ฯลฯ ซึ่งใช้เวลาในการดำเนินการ 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ

ต่อมาในสมัย ร.3 (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) วัดได้รับการบูรณะอีกครั้ง แต่ถือเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ ซึ่งใช้เวลานานถึง 16 ปี 7 เดือน นอกจากจะขยายผนังในอุโบสถแล้ว ยังได้สร้างพระนอน (พระพุทธไสยาส) จากนั้นก็สร้างพระวิหารครอบองค์พระในภายหลัง ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหาร จะเป็นภาพพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า

พระนอน เป็นพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ ความยาว 46 เมตร และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่ฝ่าเท้าขององค์พระประดับมุก เป็นภาพมงคล 108 ประการ

ในตอนนั้น ร.3 ได้ทำการค้ากับประเทศจีน หนึ่งในสินค้าหลักที่นำเข้ามาคือถ้วยชามกระเบื้อง ซึ่งในระหว่างการขนส่งทางเรือ สินค้าเหล่านั้นได้แตกหักเสียหาย ร.3 จึงให้นำเศษกระเบื้องเหล่านี้มาประดับตกแต่งวัดโพธิ์ รวมถึงวัดอรุณด้วย