a view of the Grand Palace from outside the wall
The Emerald Buddha is enshrined in the ordination hall
It's called Wiharn Yod
the Royal Pantheon is a blend of Thai and Khmer arts
beautiful structures in the outer part
buildings In the central part of the palace
It's called Dusit Maha Prasat Hall
Map of The Grand Palace
The Grand Palace & The Temple of the Emerald Buddha
Update : June 22, 2023
It's open from 8.30am - 3.30pm daily, located near the Temple of the Reclining Buddha (Wat Pho). I recommend visiting the Grand Palace before the end of this year, because it isn't crowded.
Before COVID-19, there were about 20,000 visitors a day to the palace, but today only 8,000 visitors a day.
You can bring bottled water into the Grand Palace. But if you don't want to carry it, you can buy in the central part of the palace.
The Grand Palace's dress code
Visitors must dress appropriately and slippers (Open footwear) aren't allowed. Otherwise, you will be required to change clothes. But don't worry, there are many clothes shops nearby.
Please don't wear the following clothes : short dresses, singlets, tank tops, torn clothes, leggings, shorts, see-through clothing, clothing that has holes, tears or rips in it, and any kind of top without sleeves.
The history of the Grand Palace
It used to be the residence of the kings of the present Chakri Dynasty. King Rama 5 was the last king to live at the Grand Palace, because at that time, the palace compound comprised many buildings.
And those buildings blocked the wind, that made the Grand Palace hotter especially in the summer. So, the king decided to move into another palace (Dusit Palace) in Bangkok.
The Grand Palace was built in 1782, covering 60 acres. It followed the outline of the royal palace of Ayutthaya. Its location was previously occupied by a Chinese community. Later, they were relocated to Sampeng Market.
The Grand Palace layout
It's devided into 3 parts : the outer, the central, and the inner part. The inner part is where the kings used to live, so you aren't allowed to get inside.
The outer part
It's the location of the Temple of the Emerald Buddha, commonly known as Wat Phra Kaew.
It consists of many beautiful buildings, six pairs of demon statues, mythical creatures, and incredible details.
1.The ordination hall
The Emerald Buddha statue is enshrined inside. It's a small Buddha, carved from a block of green jade, with the size of 66cm high and 48.3cm wide.
There are two large crowned Buddha statues standing in front of the Emerald Buddha. The crowned Buddha were made of bronze and covered in gold by the order of King Rama 3, to dedicate to King Rama 1 and 2.
Please note you aren't allowed to take photos inside.
2.Mural paintings
The temple is enclosed by a wall. All along the wall is mural paintings depicting the story of Ramakien in Thai version.
The story is about the war between the king of demons (Tosakan) and the king of human beings (Rama). It says that Tosakan fall in love with Sita, who is the queen of Rama. One day, Tosakan kidnaps Sita and that is the beginning of the war.
The paintings consists of 178 sections (534 meters), regarded as the longest mural painting in the world.
3. The golden stupa
It's called Phra Sri Ratana Chedi, enshrinig the relics of the Lord Buddha. The golden mosaics were applied to the stupa when Bangkok celebrated its 100th anniversary.
4.The building with a multi-tiered roof
It's called Phra Mondop - the building with a multi-tiered roof is topped with a spire. It was built to keep Buddhist scripture.
5.The building with a prang tower on top
It's called Prasat Phra Dhepbidorn - it's a mixture of Thai-Khmer style. It enshrines nine statues of the kings of the present Chakri Dynasty. It's open to visitors every year, only on special occasions.
6.The model of Angkor Wat
Ankor Wat is one of the seven wonders of the world. It was built during the time when Cambodia was still a vassal state of Thailand.
*The four structures (no. 3-6) as mentioned above stand on the large platform.
7.Hor Phra Nak
It once enshrined the Buddha statue, named "Phra Nak". Later, the Buddha was transferred to Wiharn Yod, and still remains there to this day. Today, It's used to keep ashes of the royal members.
The name of this building has never been changed although it isn't used to house the Buddha.
8.The building with a spire
It's called Wiharn Yod, richly decorated with Chinese porcelain pieces. It houses the Buddha statue, Phra Nak.
9.Hor Montien Tham
It serves as a library.
*The three structures (no. 7-9) as mentioned above stand in a row on the ground.
The central part
1.Thai-Western style building
It's called Chakri Maha Prasart - a three-story building, built in Western style, except for the roof. The roof is in the form of a Thai crown, painted gold - It's a Thai style.
The top floor houses golden urns with the ashes of the past kings. The 2nd floor is used for ceremonies, and on the ground floor contains old weapons
2.The open-air pavilion
It's called Arphon Pimok Prasat - the entire pavilion was painted gold. It was used as a platform to mount on-off the palanquin. In 1958, The copy of the pavilion was exhibited at the Word's Fair in Brussels.
3.The cross shaped building
It's called Dusit Maha Prasat. It has been used for the lying in state of the royal remains, and also the funeral ceremony.
พระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว
พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว ตั้งอยู่ในเขตพระนคร ใกล้กับวัดโพธิ์ คนไทยเข้าฟรี โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.30 - 15.30 น.
เราสามารถนำน้ำเข้าไปกินได้ด้วย แต่ในวังก็มีน้ำเปล่าขาย ถ้ามาช่วงใกล้เที่ยง แนะนำให้พกร่ม หมวก กับพัดมาด้วย เพราะว่าร้อนมาก ช่วงนี้เราแนะนำให้มาเที่ยววัง เพราะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 8,000 คน/วัน แต่ก่อนที่โควิดจะมาเยือน ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมากถึง 20,000 คน/วัน
การแต่งกาย ให้ใส่กระโปรงยาว หรือกางเกงขายาว เสื้อมีแขน *ห้ามใส่ กางเกงแบบขาดๆ กางเกงรัดรูป ขาสั้น เสื้อเอวลอย แขนกุด ส่วนรองเท้า ห้ามใส่อีแตะ *แต่ถ้าไม่มีชุดจริงๆ หน้าวังมีร้านขายเสื้อ กางเกง หลายร้าน ตัวละ 150-250 บาท
ประวัติพระบรมมหาราชวัง
ในอดีตวังแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ตั้งแต่สมัย ร.1-ร.5 แต่ในสมัย ร.5 มีสิ่งปลูกสร้างมากมายในวัง ทำให้ขวางทางลม ในช่วงหน้าร้อนก็จะร้อนจัด ทำให้ผู้ที่อาศัยในวังป่วยบ่อย ในที่สุด ร.5 จึงให้ย้ายที่ประทับถาวรไปอยู่ที่ "พระราชวังดุสิต"
วังเริ่มสร้างใน ปี พ.ศ.2325 ซึ่งแต่ก่อนที่ดินบริเวณวังเป็นที่อยู่ของชาวจีน ดังนั้น ร.1 จึงให้ชาวจีนย้ายไปอยู่ที่ดินบริเวณสำเพ็งในปัจจุบัน ส่วนสถานที่สำคัญรอบวังมีดังนี้
-ทิศเหนือ ติดกับท้องสนามหลวง
-ทิศตะวันออก ติดกับกระทรวงกลาโหม
-ทิศใต้ ติดกับวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์)
-ทิศตะวันตก ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
วังมีเนื้อที่ทั้งหมด 152ไร่ 2งาน แผนผังของวังยึดตามแบบของพระราชวังหลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา คือสร้างติดกับแม่น้ำ หันหน้าไปทางทิศเหนือ มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เป็นพระอารามหลวงในพระราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ์ของกรุงศรีอยุธยา
แผนผังของพระบรมมหาราชวัง
พระบรมมหาราชวัง แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตพระราชฐานชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน
ซึ่งเขตพระราชฐาน ชั้นใน เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ ร.1-ร.5 ดังนั้นบริเวณนี้จึง ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
เขตพระราชฐานชั้นนอก
เป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจในวัดมีดังนี้
1.อุโบสถ ซึ่งประดิษฐานพระแก้วมรกต ด้านหน้าองค์พระแก้วมีพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ 2 องค์ หุ้มด้วยทองคำแท้ โดย ร.3 สร้างเพื่ออุทิศให้กับ ร.1 และ ร.2
2.ภาพจิตรกรรมฝาผนังรอบวัด ถือเป็นภาพจิตรกรรมที่ยาวที่สุดในโลก มีถึง 178 ช่อง ช่องละ 3 เมตร บรรยายเรื่องรามเกียร์ติ
3.เจดีย์สีทอง (พระศรีรัตนเจดีย์) ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
4.พระมณฑป อยู่ถัดจากเจดีย์ เป็นอาคารที่เก็บพระไตรปิฎก
5.ปราสาทพระเทพบิดร ปัจจุบันประดิษฐานรูปหล่อของกษัตริย์ราชวงศ์จักรีที่สวรรคตไปแล้ว ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปกราบสักการะได้เฉพาะโอกาสสำคัญเท่านั้น
6.นครวัดจำลอง
*สิ่งปลูกสร้าง (รายการที่ 3-6) ตั้งอยู่บนฐานยกสูง
7.หอพระนาก ในอดีตประดิษฐานพระพทธรูป นามว่าพระนาก ต่อมาพระพุทธรูปถูกย้ายไปที่วิหารยอด ปัจจุบันอาคารนี้เป็นที่เก็บอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์
8.วิหารยอด อาคารที่ตกแต่งด้วยเศษกระเบื้อง ด้านบนมีปลายยอดแหลม
9.หอพระมณเฑียรธรรม ก็คือหอพระไตรปิฎกนั่นเอง
*สิ่งปลูกสร้าง (รายการที่ 7-9) เรียงอยู่ในแถวเดียวกัน ตั้งอยู่บนพื้นระดับเดียวกับอุโบสถ
เขตพระราชฐานชั้นกลาง
หลังจากที่ ร.9 สวรรคต อาคารต่างๆ ในบริเวณนี้ถูกปิด ดังนั้นเราจะขอพูดถึงอาคารสำคัญๆ ที่มองเห็นได้จากภายนอกเท่านั้น
1.พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นอาคาร 3 ชั้น ถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างไทยและยุโรป โดยหลังคาสีทองที่ทำเป็นรูปมงกุฎ นั่นคือ รูปแบบไทย ซึ่งสร้างโดย ร.5
2.พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท สร้างในรูปแบบศาลาไทย สีทอง งดงาม
3.พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ สำหรับพระมหากษัตริย์ ภายหลังใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ชั้นสูง
แผนที่ของพระบรมมหาราชวัง เราไปดาวน์โหลดมาจาก www.royalgrandpalace.th นะคะ