The previous ordination hall

The principal Buddha statue in the previous ordination hall

Luang Pho Khao is the Ayutthaya Buddha statue

Luang Pho Khao doesn't want the roof

A hand painted ceramic tile on the interior wall

The big happy Buddha statue

Wat Mahanam

Update : November 30, 2022

The highlight of the temple is the new ordination hall. It was built to replace the previous ordination hall, that was too old and regularly flooded. After its construction was finished, it becomes a tourist attraction.

The whole ordination hall is covered with "hand painted ceramic tiles", that the paintings on tile was inspired by Buddhist belief.

Buddhists believe there is another world invisible to the human eye, except a great monk. It's the legendary Himmapan forest, where monk (Phra Arahan) and mythical creatures (sat himmapan) live together.

We also believe the Himmapan forest is located in the Himalayas (a mountain range in Asia), below the Buddhist heaven.

Going back to the ceramic tiles, the tiles were imported from Indonesia, because their size weren't available in Thailand. As for gold colour (mixed in water), it was imported from Taiwan.

Moreover, all of the tiles were painted by skilled painters in Thailand. I can say that this ordination hall is worth several million baht.

Another interesting thing is Luang Pho Khao, the white Buddha statue sitting on a raised platform in meditation posture. LP Khao and the column behind his statue were made in the Ayutthaya period, and still remain to this day.

Dating back to the Ayutthaya period, King Naresuan led his army to Chaiyo district to defeat the governor of Chiangmai.

And Wat Mahanam was used as a military camp of King Naresuan at that time. After the king defeated his enemy in the battle, villagers built LP Khao as the symbol of King Naresuan's victory.

As the photo above, everyone may be surprised why monks don't build a roof for LP Khao. A monk said that they had built the roof for LP Khao many times, but got struck by lightning, so they thought LP Khao might not want the roof to block sunlight.

วัดมหานาม

วัดนี้ตั้งอยู่ ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง เป็นอีกวัดที่น่าสนใจ หลังจากที่อุโบสถหลังใหม่ถูกสร้างเสร็จ นักข่าวจากหลายสำนักได้เดินทางมาที่วัดนี้ อุโบสถที่นี่เป็นเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ผนังทั้งด้านในและด้านนอก ตกแต่งด้วยกระเบื้องลวดลายสัตว์ป่าหิมพานต์

กระเบื้องเหล่านี้ถูกสั่งตรงมาจากประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากขนาดของกระเบื้องที่ต้องการไม่มีขายในประเทศไทย และมาจ้างช่างในไทยวาด ซึ่งค่าแรงวาด แผ่นละ 1,000 บาท ส่วนน้ำทองสั่งมาจากไต้หวัน บอกได้เลยว่าอุโบสถหลังนี้มูลค่าหลายล้านบาทเลยนะ

สาเหตุที่สร้างอุโบสถหลังใหม่เพราะหลังเดิมนั้นเก่ามาก น้ำท่วมประจำ นอกจากนี้ท่านเจ้าอาวาส (พระครูวิสุทธิชัยคุณ) ยังมีความคิดอยากให้ชาวต่างชาติมาเที่ยววัดไทย ท่านยังเล่าอีกว่าตอนนั้นท่านนึกถึงพระอรหันต์หลายรูปที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ นี่จึงเป็นที่มาในการวาดรูปสัตว์ป่าหิมพานต์บนกระเบื้อง

อุโบสถหลังเดิมนั้นตั้งอยู่ด้านหลังหลวงพ่อขาว หลวงพ่อขาวคือพระพุทธศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพมาก ทุกคนคงแปลกใจทำไม่ไม่สร้างหลังคาให้หลวงพ่อขาว คำตอบคือหลวงพ่อท่านไม่ชอบ พอสร้างหลังคาเมื่อไร ฟ้าก็ผ่าทุกรอบ ส่วนเสาที่อยู่ข้างๆ หลวงพ่อนั้น เป็นเสาดั้งเดิมอยู่คู่กับหลวงพ่อขาว สำหรับใครที่มาบนหลวงพ่อขาว จะแก้บนด้วยดาวเรือง กลองยาว และไข่ต้ม

หลวงพ่อขาว ถือเป็น สัญลักษณ์แห่งชัยชนะในการรบของสมเด็จพระนเรศวร ครั้งนึงท่านมาตั้งพลับพลาที่วัดมหานาม เมื่อท่านรบชนะ ชาวบ้านจึงได้สร้างหลวงพ่อขาวขึ้น ในตอนนั้นพระเจ้ากรุงเชียงใหม่และสะเรนันทสูเป็นข้าศึก พระนเรศวรกับพระเอกาทศรถจึงยกทัพมาปราบ สมเด็จพระนเรศวรรู้ว่ากำลังคนฝั่งเราน้อยกว่า ดังนั้นท่านจึงใช้วิธีรบแบบกองโจรในตอนกลางคืน จนทัพข้าศึกแตกพ่ายไป

สมเด็จพระนเรศวรทรงเชี่ยวชาญการรบและทรงพระปรีชาสามารถ ท่านรู้ว่าการรบในช่วงกลางคืนนั้น อาจทำให้ทหารสับสน และแยกไม่ออกว่าคนไหนคือข้าศึกหรือพวกเดียวกัน ดังนั้นท่านจึงให้ทหารไทยนำผ้าดิบมาผูกที่แขน

สำหรับเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันของวัดมหานาม (ปี พ.ศ.2564) คือ พระครูวิสุทธิชัยคุณ ซึ่งท่านยังเป็นเจ้าคณะอำเภอไชโย จ.อ่างทอง อีกด้วย ท่านได้เล่าว่าสมัยก่อน ท่านได้พบสมุดข่อยโบราณภายในวัดอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก ซึ่งบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ของวัดในช่วงกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังสมุดเล่มนี้หายไป เราก็สรุปจากที่ท่านเล่ามาให้ฟังอีกทีนะ แต่ถ้าสนใจอยากทราบประวัติทั้งหมด ก็ไปอ่านที่ป้ายหน้าวัด


เรื่องลี้ลับ

เรื่องนี้เกิดก่อนที่ท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน (พระครูวิสุทธิชัยคุณ) จะมาจำพรรษาที่นี่ ตอนนั้นเจ้าอาวาสรูปก่อนได้มรณภาพ ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง จึงมีพระสงฆ์มารักษาการแทน แต่ไม่นานนักพระรูปนั้นก็ต้องรีบออกจากวัดไป

ต่อมาก็มีพระสงฆ์อีกรูปมารักษาการแทน แต่ก็อยู่ไม่ได้อีก โดยทราบภายหลังว่าพระสงฆ์สองรูปได้พบกับวิญญาณอดีตท่านเจ้าอาวาส (ปัจจุบันร่างของท่านเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวอยู่ในโลง และตั้งอยู่ในกุฎิเดิมของท่าน)

ต่อมาเมื่อท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ มีชาวบ้านมาติดต่อขอซื้อต้นไม้ที่วัดเพื่อไปทำเฟอร์นิเจอร์ พวกเขาขอพักแรมที่วัด ซึ่งพวกเขาได้บอกอีกว่าเขาไม่กลัวผี สรุปคืนนั้นนอนไม่ได้เลย วิ่งมาเคาะห้องหลวงพ่อกลางดึก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สิ่งที่มองไม่เห็นไม่ได้หมายความไม่มีนะ

กราบขอบพระคุณ พระครูวิสุทธิชัยคุณ เจ้าอาวาสวัดมหานาม ที่เมตตาให้ข้อมูลทั้งหมดของทางวัด