Giant statue guards the principal Buddha in the ordination hall
The principal Buddha statue in the ordination hall
Each window in the ordination hall was painted
A goddess shrine is called Sarn Mae Takien Thong
This building is called viharn
Buddha statue sits on a very high pedestal in viharn
Wat Sathian Wattanadit
Update : August 16, 2022
It was formerly called "Wat Tha Khwai". The highlight of the temple is "The golden Buddha statue in Sukhothai art style", cast in bronze and mixed with gold.
The Buddha was made during the Sukhothai period, known as "the Golden Age of Buddhism" that coincided with the reign of Phra Maha Thammaracha I (Li Thai).
In the past, the Buddha statue was originally covered with a layer of stucco and enshrined in an abandoned building in the cemetery at the back of the temple for several years.
In 1948, the new ordination hall was completed, villagers joined hands to move the Buddha to be enshrined inside the ordination hall. During relocation of the Buddha, its covering was broken and the gold revealed.
It was said that Luang Pho Chei himself covered the Buddha with stucco to prevent it from being stolen.
Today, the Buddha statue is enshrined on the 2floor of the two-storey white building.
It's open daily. Monday - Friday 10.00am - 4.00pm. Saturday, Sunday and public holidays 9.00am - 4.00pm.
Apart from the golden Buddha statue, there is the ordination hall guarded by two giant statues, a small white building with a Buddha statue on a high pedestal, and a goddess shrine. However, the first two buildings are always closed.
But it's worth visiting, if you believe in goddess' power who is called Mae Takien Thong. In 2019, the temple became known after the goddess had granted a man's wish - he won lottery 5 times in a row. His story was published on websites.
Monk Biography
Luang Pho Choei was orphaned at the age of 2, so he went to live with his uncle until he was 13 years old. He then moved to Wat Sathian Wattanadit, where he learned magic spells from a monk, named Luang Pho Deang.
After that he made a pilgrimage and met one of the most famous monk unexpectedly, whose name is Luang Pu Suk, Wat Pak Klong Makham Thao. LP Suk praised him for his high psychic powers.
They both became friends, and often exchanged their knowledge. So the disciple of LP Suk, who was well-known among Thai people is Krom Luang Chumphon, later became his disciple.
As for his popular amulet, it's a black Buddha amulet with eyes closed (Phra Pit Ta) in 1917.
In the old days, villagers cut down trees and used them to build their houses. But there was a tree that couldn't be cut, no matter how hard they tried.
Finally, the villager decided to climb up the tree and then found "Phra Pit Ta". After the amulet was taken out, the tree was easily cut down.
Besides protecting the wearers or something from being attacked, the amulet would also help whoever is entered by an evil spirit. Just put the amulet in a bowl of water, perform a ceremony and sprinkle the water on them.
LP Choei defeats the wicked
LP Choei and his disciple went out to receive alms from villagers by boat every day. One morning, while they were in a boat, LP Choei immediately told his disciple to sit still.
And all of a sudden, a large piece of raw beef fell down in his boat. He used the lid of his alms bowl to scoop water and recited an incantation. After that he poured the water over the raw breef, and apparently the beef became rotten and then turned into a ghost bone.
Another event happened, because shamans weren't satisfied with what he had done - helped a victim of black magic. One night, he told everyone to stay in their rooms, and not to make a sound, no matter what happened.
There was a strong wind hitting his residence and the sound of big wings flapping around. During that night, he recited an incantation until the strong wind subsided.
After the wind stopped blowing, he walked out of his room and found a large piece of dried buffalo skin. He sprinkled the water on it, the smoke from the buffalo skin suddenly billowed and the buffalo skin became smaller.
LP Choei passed away at the age of 57, in 1926.
วัดเสถียรวัฒนดิษฐ์
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สมัยก่อนชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่า "วัดท่าควาย" เพราะชาวบ้านจะต้อนควายมาขึ้นฝั่งที่หน้าวัด ต่อมาราวๆ ปี พ.ศ. 2500 ทาง จ.ชัยนาท มีการสร้างเขื่อนเจ้าพระยา ชาวบ้านจึงไม่ได้นำควายมาขึ้นฝั่งที่นี่อีก
สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้กับทางวัดคือ พระพุทธรูปทองคำ สมัยก่อนพระองค์นี้ถูกหุ้มด้วยปูน และ ประดิษฐานอยู่ในวิหารร้างกลางป่าช้าด้านหลังวัด ซึ่งตรงกับสมัยหลวงพ่อเชย เมื่อหลวงพ่อเชยมรณภาพ ก็มีเจ้าอาวาสอีกหลายรูปปกครองวัด
จนกระทั่ง พ.ศ.2491 อุโบสถหลังใหม่สร้างเสร็จ ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือกันเคลื่อนย้ายพระพุทธรูป เพื่อมาประดิษฐานในอุโบสถหลังใหม่ ขณะที่เคลื่อนย้าย ปูนที่หุ้มองค์พระได้หลุดออกมา จึงพบว่าเนื้อองค์พระเป็นทองคำ
พระพุทธรูปทองคำ หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ มีส่วนผสมของทองคำ ศิลปะสุโขทัย ตรงกับสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ซึ่งเป็นยุคที่พระพุทธศาสนารุ่งเรืองที่สุด ปัจจุบันพระพุทธรูปอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร ทางวัดเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ากราบสักการะได้ทุกวัน
นอกจากพระทองคำแล้ว ภายในวัดยังมีอุโบสถ ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามด้วยปูนปั้นลายดอกไม้สีทอง ด้านหน้ามียักษ์ 2 ตนยืนอยู่ ภายในมีภาพวาดที่ประตูและหน้าต่างทุกบาน เป็นภาพวาดที่สวยงามมากทีเดียว พอออกจากอุโบสถ เราจะพบวิหารเล็กๆ 3 หลัง ภายในประดิษฐานรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาสของวัด
ด้านหลังวิหาร มีศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองขนาดใหญ่ ซึ่งศาลนี้ทำให้วัดโด่งดังอีกครั้งในปี 2562 เมื่อมีคนถูกหวยถึง 5 งวดติด และหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รวมถึงเว็ปไซต์ต่างๆ ได้นำข่าวไปลง ดังนั้นช่วงก่อนคืนหวยออกจึงมีคนมาแห่กันมาเต็มวัด
ประวัติหลวงพ่อเชย
หลวงพ่อเชย กำพร้าบิดามารดาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ท่านจึงได้ไปอาศัยอยู่กับลุงจนกระทั่งอายุ 13 ปี จากนั้นท่านก็ได้มาอยู่ที่วัดท่าควาย เรียนวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงพ่อแดง แล้วเริ่มออกธุดงค์จนมีโอกาสได้พบกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งหลวงปู่ศุขได้ยกย่องว่า "หลวงพ่อเชยเป็นพระที่มีพลังจิตสูง"
เนื่องจากหลวงพ่อเชยกับหลวงปู่ศุข ได้พบปะแลกเปลี่ยนวิชากันหลายครั้ง ทำให้กรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุขนับถือหลวงพ่อเชยไปด้วย และขอเรียนวิชากับท่าน ส่วนวัตถุมงคลของท่านมีหลายรุ่น แต่ที่โด่งดังมากคือ พระปิดตา เนื้อสีดำ ปี 2460
มีเรื่องเล่ากันว่า สมัยก่อนชาวบ้านไปตัดไม้เพื่อนำมาปลูกบ้าน แต่ตัดยังไงก็ตัดไม่เข้า ต้นไม้ไม่มีรอยเลยแม้แต่น้อย จนชาวบ้านปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วพบพระปิดตาตกอยู่ จึงได้นำพระลงมา
จากนั้นต้นไม้ใหญ่ก็ถูกตัดลงได้อย่างง่ายดาย เล่ากันว่าใครก็ตามที่ถูกผีเข้า โดนของ ให้นำพระปิดตาของท่านแช่ลงในขันน้ำ และทำน้ำมนต์ไปพรม จะสามารถไล่วิญญาณร้ายออกไปได้
หลวงพ่อปราบคนชั่ว
ขณะที่หลวงพ่อเชยนั่งเรือไปรับบิณฑบาตรกับลูกศิษย์ (ปู่พลอย) อยู่ๆ ท่านก็ได้บอกกับลูกศิษย์ว่า "เฉยไว้นะอ้ายหนู มีอะไรอย่าตกใจ เดี๋ยวเรือล่ม" ทันใดนั้นก็มีเนื้อวัว ประมาณ 3 กล. ตกลงมาในเรือ
หลวงพ่อเชยท่านพูดว่า "อ้ายพวกนอกศาสนา อ้ายพวกเวร ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ" ท่านจึงนำฝาบาตรมาตักน้ำแล้วบริกรรมคาถาแล้วเทใส่เนื้อวัว ปรากฏว่าเนื้อวัวกลายเป็นเนื้อเน่า แล้วก็กลายเป็นกระดูกผี ท่านจึงได้นำกระดูกนั้นไปบังสกุล
อีกเรื่องเกิดขึ้น เนื่องจากพวกหมอผีไม่พอใจที่หลวงพ่อช่วยแก้คุณไสย์ให้กับชาวบ้าน เลยคิดจะทำร้าย มีคืนนึงท่านสั่งให้พระ เณร เด็กวัด อยู่แต่ในที่พักและอย่าส่งเสียงทักอะไรในยามดึก
คืนนั้นปู่พลอยได้อยู่รับใช้ท่าน ปู่เล่าว่ามีลมแรงพัดกระหน่ำจนกุฎิของท่านแทบพัง และยังมีเสียงเหมือนนกขนาดใหญ่บินกระพือปีกที่รอบกุฎิท่าน
ช่วงนั้นท่านได้นั่งบริกรรมคาถาตลอดเวลา จนกระทั่งพายุสงบท่านจึงได้ออกมานอกกุฎิ แล้วพบว่าหนังควายตากแห้งผืนใหญ่ตกอยู่ ท่านจึงได้พรมน้ำมนต์ลงบนหนังควาย จากนั้นก็มีควันขึ้นมา แล้วหนังควายก็หดตัวลงเหลือเท่านิ้วก้อย ท่านจึงได้พูดขึ้นมาว่า "สำมาอย่างไร สำไปอย่างนั้น"
หลวงพ่อเชยมรภาพ ปี 2469 สิริรวมอายุได้ 57 ปี