this building houses the body of LP Kuay
the wax statue of LP Kuay stands near the front door
Viharn of Luang Pho Toh
The white Buddha statue is called LP Toh
Traditional Thai houses
LP Kuay statue
Wat Kositaram
Update : March 5, 2023
Temple is located in Sankhaburi district, Chainat. Originally, it was an abandoned temple in the forest. The temple used to be called "Wat Khid" and then "Wat Khae". Its name was changed to "Wat Kositaram" when Luang Pho Kuay was appointed as the 6th abbot.
It's another temple, where many popular singers always visit. I visited this temple at the end of last year in the evening. I arrived just before the temple was closed, and came arcoss one of the most popular singers there.
I noticed that she waited until almost all of the visitors walked out of the building, that enshrines the body of LP Kuay. She then sat beside the coffin of LP Kuay and started singing. I thought she came to redeem her vow.
Five attractions
1.LP Kuay statue - his statue sits in a pavilion, opposite Traditional Thai houses.
2. The body of LP Kuay - his body that is visible through a glass coffin is housed in the building topped with a golden stupa. Besides his body, there are his wax statues - one sits in front of the coffin, and the other stands near the front door.
3.Viharn of Luang Pho Toh - it was built in the form of a pavilion with a surrounding wall. And the wall is lined with a row of hanging bells. The white Buddha statue named LP Toh is housed in the pavilion.
4.The holy pond - the pond near the ordination hall was dug by LP Kuay, who used to drop amulets and amulet moulds into the pond.
In the old days, LP Kuay used water from the pond for blessings, and pond soil for making amulets. It's said that when the temple held an event, fireworks didn't explode if they were lit beside the holy pond.
5.Two shrines at the temple entrance.
The big shrine is called Sarn Pucare. Pucare was an old man, who deeply respected LP Kuay for his mercy. So, when he died, villagers around the temple built the shrine for him.
As for the smaller shrine, it's called Sarn Naidak. LP Kuay used the head of Thai puppet, that a group of Thai dancers offered it to him, to make Hun Payon for protecting the temple. And LP Kuay gave him a name "Naidak".
The last one is the ordination hall, that was what LP Kuay really loved. But it isn't open to the public. It's said that LP Kuay used old bricks from abandoned temples, to build the base of the ordination hall.
Monk Biography
LP Kuay Chutinatharo, the former abbot, was born on November 2, 1905, and ordained as a monk at Wat Boat in Chainat in 1924. He was given a Buddhist name "Chuti Natharo", meaning one who could eliminate desires.
After ordination, he stayed at Wat Kositaram. He practised preaching, studied medicine, and learnt how to make holy objects from LP Derm of Want Nongpho. Besides, he also learnt how to tattoo. And he became very famous during World War 2.
His amulets and holy objects were very popular, even Luang Pu Toh of Wat Pradu Chimplee praised him for his high psychic ability. LP Kuay passed away on April 12, 1979, at the age of 74.
วัดโฆสิตาราม
วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เดิมเป็นวัดร้าง ชื่อวัดขวิด ตั้งอยู่ในป่า มีกุฏิแค่ 2 หลัง ต่อมาได้มีการเรียกชื่อวัดตามชื่อหมู่บ้านว่า "วัดบ้านแค" และในสมัยของหลวงพ่อกวย (เจ้าอาวาสรูปที่ 6) ท่านได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดโฆสิตาราม
วัดนี้ก็ถือว่าเป็นวัดดังอีกวัดนึงที่เหล่านักร้องที่มีชื่อเสียงมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อกวย จำได้ว่าเราไปวัดนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ไปถึงตอนวัดใกล้จะปิด ขณะที่ไปกราบร่างหลวงพ่อกวยนั้น ก็เผอิญไปเจอนักร้องหญิงคนนึง ซึ่งเธอนั่งรอจนคนออกไปเกือบหมด จากนั้นก็มานั่งข้างๆ โลงของหลวงพ่อ แล้วร้องเพลง เราคิดว่าเธอน่าจะมาร้องเพลงแก้บนนะ
สิ่งที่น่าสนใจ
1.ศาลาที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อกวย อยู่ตรงข้ามกับบ้านเรือนไทย
2.อาคารที่ประดิษฐานร่างของหลวงพ่อกวย ซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ในโลงแก้ว และยังมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อซึ่งอยู่ในท่านั่งและท่ายืน คนส่วนใหญ่จะมากราบขอพรท่านในอาคารนี้
3.วิหารหลวงพ่อโต ซึ่งถูกสร้างเป็นศาลาเปิดโล่ง และแขวนระฆังไว้รอบศาลา ด้านในศาลาจะมีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ (หลวงพ่อโต) วิหารนี้สร้างใน ปี พ.ศ.2473 ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด คนส่วนใหญ่มักจะมาแก้บนด้วยประทัด
4.สระน้ำด้านข้างอุโบสถ คือสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ คนนิยมนำน้ำไปทำน้ำมนต์ ส่วนดินก็นำไปปั้นพระ เพราะหลวงพ่อกวยท่านขุดสระเองและลงอาถรรพ์ไว้ นอกจากนี้ท่านยังเคยนำพระเครื่อง และแม่พิมพ์พระทิ้งลงไปในสระนี้ เล่ากันว่าเวลาที่วัดมีงาน ถ้ามีการจุดพลุแถวสระ จะจุดไม่ติด ชาวบ้านเชื่อกันว่าคงเป็นเพราะอาถรรพ์ที่ท่านลงไว้
5.ศาลที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวัด ซึ่งคนส่วนใหญ่มักมองข้าม ศาลใหญ่คือศาลปู่แค ปู่แคคือคนดีมีวิชาที่นับถือหลวงพ่อมาก ดังนั้นเมื่อปู่แคเสียชีวิต ชาวบ้านจึงสร้างศาลให้ ส่วนศาลเล็กๆ ที่อยู่ติดกัน คือ ศาลนายดอก ซึ่งหลวงพ่อกวยได้นำหัวหุ่นที่คณะลิเกนำมาถวายวัด มาบรรจุผง ปิดด้วยดินปูนลงอักขระเลขยันต์ แล้วปลุกเสก พร้อมตั้งชื่อว่านายดอก ดังนั้นนายดอกก็คือหุ่นพยนต์เฝ้าวัดนั่นเอง
ส่วนอุโบสถ ทางวัดไม่ได้เปิดให้ประชาชนภายนอกเข้าไป เล่ากันว่าอุโบสถ คือสิ่งที่หลวงพ่อรักมาก สมัยก่อนท่านออกไปหาอิฐตามวัดร้างมาทำฐานอุโบสถ และใช้เกวียนขนมา
ประวัติหลวงกวย
หลวงพ่อกวย ชุตินธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) เกิดวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 อุปสมบทที่วัดโบสถ์ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ในปี พ.ศ.2467 ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร แปลว่า ผู้ตัดกิเลส
เมื่อบวชแล้ว ท่านก็อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านแค หัดเทศน์ เรียนวิชาแพทย์เพื่อรักษาโรคระบาดและโรคไข้ทรพิษ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาทำแหวนแขน ตะกรุด มีดหมด ฯลฯ กับ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อีกด้วย
ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ท่านได้สักยันต์ให้ลูกศิษย์จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้นก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน เช่น พระสมเด็จปรกโพธิ์เก้าใบ พระสมเด็จหลังรูปเหมือน พระแหวกม่าน พระรูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก และเหรียญรุ่นแรก หลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า ฯลฯ
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ยังเคยเอ่ยปากชมหลวงพ่อกวยว่าเป็นผู้มีพลังจิตสูง หลวงพ่อกวยมรณภาพวันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2522 สิริอายุ 74 ปี พรรษา 54