view from the top of the metal castle

 the topmost spire enshrines the holy relics of the Buddha

King 3 used the area outside the temple wall to welcome state visitors

you can see deities who represent 27 constellations in the paintings

The upper floors are accessed by a spiral staircase with 67 steps 

inside the metal castle

Wat Ratchanatda (Loha Prasat)

Update : September 14, 2023

This temple is within walking distance of Wat Saket, and 500 metres from Democracy Monument. It's a very eye-catching temple, because of the outward appearance of the building with a glittering golden roof against the blue sky.

In the old days, the castle was located behind a movie theater named Chaloem Thai. The theatre was later demolished to improve scenery in that area. After that King Rama 3 used the area to welcome state visitors. So, you can see a statue of the king and a royal reception pavilion in front of the temple wall. 

Walking through the temple gate, you will see the ordination hall, Viharn (a building without a boundary stone) and the golden castle known as Loha Prasat. The word "Loha Prasat" means "Metal Temple" because of its black metal roof. 

The castle stands at 36 meters, that has 7 floors and is divided into 3 levels. It supports 37 metal spires, representing the 37 virtues toward enlightenment. There is a spiral staircase in the center, that leads to the topmost spire enshrining the holy relics of the Buddha. 

The nearby building with eight boundary stones is the ordination hall. Inside, there are mural paintings depicting a story of the Buddha when he gave a sermon to his dead mother in Dusit heaven. In the paintings, you can see deities who represent 27 constellations.


The history of the temple

This temple was built by King Rama 3 for his niece. The metal castle was inspired by two earlier similar castles in India and Sri Lanka. 

It's considered to be "the first metal castle in Thailand and the third one in the world". But the two castles were built 25 centuries ago. Nowadays, neither of these castles exists. 

In 1846, King Rama 3 ordered the construction of the castle with a golden roof. But the king passed away before it was completed. 

So, it had been restored many times until 1996. During that year, its metal roof was blackened to prevent rush. 16 years later, gold leaf was applied to its roof. This makes the castle stand out from others.

วัดราชนัดดา

วัดนี้ตั้งอยู่ติดถนน ใกล้กับ วัดสระเกศ และห่างจากอนุเสารีย์ประชาธิปไตยแค่ 500 เมตร เป็นวัดที่สะดุดตามาก เพราะหลังคาสีทองและรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตา ใครนั่งรถผ่านก็ต้องเหลียวมอง

ด้านหน้าวัดที่ติดกับถนน มีอนุเสาวรีย์ ร.3 และสวนดอกดาวเรืองพร้อมกับป้าย "ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์" เนื่องจาก สมัยก่อน ร.3 ใช้พื้นที่ตรงนี้สำหรับต้อนรับแขกผู้มาเยือนประเทศไทย

ขอย้อนอดีตไปนิดนึง แต่เดิมเราจะไม่ได้เห็นโลหะปราสาทสวยเด่นเช่นทุกวันนี้ เพราะหลังคาของโลหะปราสาทเป็นสีดำๆ และวัดตั้งอยู่ด้านหลังโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย ต่อมาในสมัยรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีมติให้รื้อศาลาเฉลิมไทยทิ้ง เพื่อปรับปรุงทัศนียภาพ

เมื่อเดินผ่านประตูวัดเข้ามา เราก็จะเห็นวิหาร อุโบสถ และโลหะปราสาท ซึ่งโลหะปราสาทมีทั้งหมด 7 ชั้น ความสูง 36 เมตร ชั้นแรกมีเก้าอี้ไม้ใหญ่ๆ แบบโบราณให้นั่งพักผ่อน เมื่อเดินไปตรงกลางปราสาท จะเห็น บันไดเวียน มีทั้งหมด 67 ขั้น  ชั้นบนสุดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และจากจุดนี้เอง เราสามารถเห็นเจดีย์สีทองของวัดสระเกศได้ 

สำหรับอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานนามว่า "พระพุทธเสฏฐุตตมมุนินทร์" ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังจะเป็นภาพพุทธประวัติ "พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาโปรดมารดา บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์" และมีภาพของเทวดาจากกลุ่มดาวฤกษ์ทั้ง 27 กลุ่มด้วย

  ส่วนใบเสมาของวัดก็แตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ ด้านหนึ่งเป็นรูปธรรมจักร อีกด้านเป็นรูปเทวดานพเคราะห์ เนื่องจากในอดีต วัดนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์ไทย ดังนั้นจิตรกรรมฝาผนังส่วนนึงในอุโบสถ จึงเป็นภาพของเทวดาจากกลุ่มดาวฤกษ์ต่างๆ


ประวัติวัด

ร.3 ให้สร้างวัดนี้ในปี พ.ศ.2389 เพื่อมอบให้แก่หลาน คือ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี ดังนั้นชื่อของวัดนี้จึงมีคำว่า "ราชนัดดา" ซึ่งแปลว่าหลาน

ร.3 ให้สร้างโลหะปราสาท แทนการสร้างเจดีย์ ซึ่งถือเป็น "โลหะปราสาทแห่งแรกของไทย และแห่งที่ 3 ของโลก" และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ "เป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวของโลก ที่ยังคงอยู่ให้เห็นจนถึงทุกวันนี้" เนื่องจากโลหะปราสาทอีกสองแห่งได้ถูกทำลายจนเหลือแต่เสาหิน

 โลหะปราสาทแห่งแรก คือ "มิคารมาตุปราสาท" นางวิสาขะ สร้างถวายพระพุทธเจ้าในอินเดีย ตามบันทึกในพระไตรปิฎก ส่วนแห่งที่ 2 สร้างโดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์แห่งกรุงอนุราธปุระในศรีลังกา ตามบันทึกในคัมภีร์มหาวงศ์

 โลหะปราสาท เป็นอาคาร 7 ชั้น มียอดปราสาท 37 ยอด หมายถึง โพธิปักขิยธรรมในพระพุทธศาสนา (ธรรมที่เป็นไปเพื่อความตรัสรู้) 37 ประการ 

ในอดีต ร.3 ให้สร้างโลหะปราสาทที่มียอดหลังคาเป็นสีทอง แต่เมื่อสิ้นรัชกาล งานก็ยังไม่แล้วเสร็จ และก็มีการบูรณะกันหลายรอบ จนกระทั่งปี พ.ศ.2539 จึงได้มีการต่อเติมจนเสร็จ และมีการรมดำยอดปราสาทเพื่อป้องกันสนิม ดังนั้นยอดปราสาทจึงเป็นสีดำ 

ต่อมาในปี พ.ศ.2555-2560 กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะ โดยการปิดทองที่ยอดปราสาททั้งหมด ทำให้โลหะปราสาทดูโดดเด่นจากวัดอื่นๆ