Update : July 18, 2022

Temple was built during the period of King Songtham - the 21st king of Ayutthaya kingdom. Don't get confused with Wat Sing Sutthawat! located in Khai Bangrachan district.

Inside the ordination hall, the biggest Buddha statue is the principal Buddha called "Luang Pho Yen", that has a painting on his back.

And that painting is opposite a standing Buddha statue, named "Luang Pho Nate". All of the Buddha statues are beautiful and each Buddha sits on a high pedestal.

In general, the temple is open to the public, but the ordination hall is closed. However, visitors can walk inside to worship the Buddha statues on the big Buddhist day.

Next to the ordinaiton hall is a Goddess shrine. I believe foreign tourists have to wonder, why most Thai people offer flowers or food to wood. It isn't just wood, but it's a house of the Goddess called Mae Takien Thong. The Goddess has power to solve many problems of anyone who asked.

And at the back of the temple, there is a building called "Viharn". It enshrines the statues of Luang Pho Chan, the 3rd abbot.

Monk Biography

Luang Pho Chan was ordained as a novice at the age of 12. And when he was 26 years old, he made a pilgrimage to seek ways to enlightenment.

Later, he became a disciple of Luang Pu Sri of Wat Phra Prang. LP Sri was the top guru monk of that era, who was praised as the master of masters.

LP Chan had high spiritual power, even Luang Pu Suang of Wat Cheepakhao praised him. Because they were often invited to consecrate amulets at the same place, both of them could feel spiritual power of each other.

When it comes to his talismans, he created a magic cloth Talisman (Yant), Thai amulet (Phra Somdej), amulet coin, takrud tone, etc.

But the one we call "Takrud Tone" was very popular among his disciples, after LP Chan had attached the takrud to his dog collar. It was said that, it could protect all the temple dogs from being attacked or even being shot.

LP Chan passed away on March 26, 1971, at the age of 81.

วัดสิงห์

วัดสิงห์ตั้งอยู่ อ.อินทร์บุรี (อย่าสับสนกับ วัดสิงห์สุทธาวาส อ.ค่ายบางระจัน) โดยเริ่มต้นที่ วัดกระดังงาบุปผาราม แล้วขับเลียบคลองมาเรื่อยๆ แค่ 1.8 กม. ก็จะเจอวัดสิงห์

สันนิษฐานว่าวัดสร้างในสมัยอยุธยา (พระเจ้าทรงธรรม) ด้านหน้าอุโบสถมีเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่ ส่วนภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ประดิษฐานบนแท่นยกสูง สำหรับเราแล้ว เราว่าพระพุทธรูปที่นี่ดูงดงามมากกว่าวัดอื่นๆ มากเลย

ในอุโบสถมีพระประธาน ซึ่งชาวบ้านเรียกท่านว่า "หลวงพ่อเย็น" เป็นพระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ ส่วนพระยืนปางห้ามญาติ (ยืนด้านหลังพระประธาน) คือ "หลวงพ่อเนตร" โดยปกติทางวัดจะปิดอุโบสถตลอด ยกเว้นมีงานบุญใหญ่ถึงจะเปิดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้พระ

ขับรถเข้าไปด้านในจะพบวิหารหลวงพ่อเชน ท่านคืออดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัด ประดิษฐานอยู่บนชั้น 2 โดยด้านหน้าวิหารจะมียักษ์ยืนตระหง่านอยู่

ประวัติหลวงพ่อเชน

หลวงพ่อเชน ได้บวชเป็นเณรตั้งแต่อายุ 12 ปี พออายุได้ประมาณ 26 ปี ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น ต่อมาท่านได้เป็นลูกศิษย์ของ หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ ซึ่งหลวงปู่ศรี คือสุดยอดเกจิในยุคนั้น ที่ทุกคนต่างยกย่องท่านเป็น "อาจารย์เหนืออาจารย์" ด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความเชี่ยวชาญด้านไสยเวท

หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว คือพระเกจิที่ทำให้ วงการพระเครื่องสั่นสะเทือน เพราะวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ทุกรุ่น หรือแม้แต่รูปถ่ายของท่าน ปัจจุบันราคาหลักแสนถึงหลักล้าน ได้กล่าวยกย่องหลวงพ่อเชนว่า "หลวงพ่อเชนเป็นผู้มีพลังจิตสูงมาก สร้างวัตถุมงคลได้ขลังสุดยอด" เนื่องจากเวลาท่านไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่เดียวกัน พลังจิตของท่านทั้งสองจะสัมผัสกันได้

นอกจากนี้ท่านยังสำเร็จวิชา "เสือสมิง" สามารถแปลงกายเป็นเสือได้ ซึ่งท่านเคยทำให้ลูกศิษย์เห็นมาแล้ว ท่านได้เรียนวิชานี้มาจากหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์นั่นเอง ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้าง ได้แก่ เหรียญ (ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่น) ผ้ายันต์ ตะกรุดโทน พระสมเด็จพิมพ์ต่างๆ พระลีลา เขี้ยวเสือแกะ มีดหมอ แหวนมงคล และอื่นๆ อีกมากมาย

แต่ที่โด่งดังมากคือ ตะกรุดโทน ท่านได้นำไปห้อยคอหมาที่ท่านเลี้ยง เพราะหมาของท่านมักถูกชาวบ้านทำร้ายบ่อย เล่ากันว่าแม้แต่มีดหรือปืนก็ทำอันตรายหมาไม่ได้เลย จนทำให้หลวงพ่อโอด วัดจันเสน จ.นครสวรรค์ (หลานและลูกศิษย์หลวงพ่อเดิม จ.นครสวรรค์) มาขอเรียนวิชาสร้างตะกรุดจากท่าน

หลวงพ่อเชน มรณภาพวันที่ 26 มี.ค. 2514 สิริรวมอายุได้ 81ปี