Luang Pho Bua was the former abbot

LP Bua's statue is enshrined inside viharn

Buddha statues and a golden stupa

The principal Buddha statue inside the ordination hall

Buddha statues are in the building next to the ordiantion hall

The Buddha statue faces the painting of the horse

Wat Plalai

Update : July 26, 2022

Wat Plalai was built in 1582. The year 2021 marks 439 years since the temple was firstly built!, that is why many buildings in the temple look quite old.

In the old days, the temple was very famous because of the abbot, whose name is Luang Pho Bua. He was widely known for his expertise in White & Black magic (Supernatural power) and treatment of disorders. Moreover, he was a disciple of Luang Pho Yai of Wat Ranam.

Villagers said the water that had been blessed by Lung Pho Bua was really holy. There was a man with a broken arm drinking the holy water. Then his arm could heal without a cast. Besides, it was used to cure a victim of black magic.

Luang Pho Bua once said, "my holy water will continue to exist at Wat Plalai forever". Therefore, the water in the river that flows past the temple is still holy, even after his death.

Luang Pho Bua had two close friends in Singburi - Luang Pho Toh of Wat Khamphang and Luang Pho Boon of Wat Tha It. They all were disciples of Luang Pho Phao, Wat Tham Tako, so they always saw one another.

Luang Pho Bua passed away on July 5,1967 when he was 70 years old.


A mysterious story

There is a mysterious story behind the painting of the horse. The story I will tell you is hard to believe, but it's true. This story that was told by the current abbot happened during the time Luang Pho Bua was still alive between 1938 and 1967.

Villagers around the temple always saw a horse spirit, stealthily entering their kitchen to eat nuts and sesame. They didn't know how to deal with the horse spirit, so they told the story of the horse to Luang Pho Bua and asked him for any suggestions.

Luang Pho Bua decided to use magic to defeate the horse spirit and all of the spirits in the building next to the ordiantion hall.

วัดปลาไหล

วัดปลาไหล สร้างในปี พ.ศ.2125 รวมอายุก็ 439 ปี ดังนั้นวัดนี้จึงดูเก่าๆ สมัยก่อนวัดนี้ถือเป็นวัดดังอีกวัดนึงเพราะ หลวงพ่อบัว แย้มกลัด อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 2 ของวัด ท่านเชี่ยวชาญด้านไสยเวท และการรักษาโรค นอกจากนี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อใย วัดระนาม ทำให้ผู้คนหลั่งไหลกันมาที่วัดเป็นจำนวนมาก

เล่ากันว่าน้ำมนต์ของท่านศักดิ์สิทธิ์นัก เคยมีคนแขนหักนำน้ำมนต์ท่านไปดื่ม แล้วแขนหายโดยไม่ต้องเข้าเฝือก นอกจากนี้ยังใช้รดแก้คุณไสยได้ด้วย หลวงพ่อบัวเคยกล่าวไว้ว่า "น้ำมนต์ของท่านจะอยู่คู่กับวัดปลาไหลตลอดไป" เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด สามารถใช้เป็นน้ำมนต์ได้ เพราะท่านได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์ โดยอธิษฐานไว้ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล

หลวงพ่อบัวมีสหธรรมมิกที่สนิทสนมอยู่ 2 ท่าน คือ หลวงพ่อโต๊ะ วัดกำแพง กับหลวงพ่อบุญ วัดท่าอิฐ ท่านทั้งสามมักพบปะสนทนาธรรม และแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทกันอยู่เสมอ นอกจากนี้ทั้งสามท่านยังเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จ.ลพบุรี

หลวงพ่อบุญได้สร้างพระและเครื่องรางไว้มากมาย เช่น พระพิมพ์สมเด็จสามชั้น พระสุคะโต พระลีลา เหรียญ ผ้ายันต์ ตะกรุด สาลิกา ฯลฯ แต่ที่สร้างชื่อให้ท่านคือ พญาปลิง เด่นทางด้านเรียกทรัพย์และมหาเสน่ห์ หลวงพ่อละสังขารวันที่ 5 กค.2510 สิริอายุได้ 70 ปี


เรื่องลึกลับ

เอาล่ะ หลังจากฟังประวัติหลวงพ่อบัวไปแล้ว ยังมีอีกเรื่องซึ่งท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นคนบอกกับผู้เขียนเอง ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หลวงพ่อบัวท่านยังมีชีวิตอยู่ (ย้อนอดีตกลับไปช่วง พ.ศ.2481 - 2510)

ภาพวาดม้าบนผนังในวิหาร สมัยก่อนม้าตัวนี้มักจะออกไปขโมยกินถั่ว งาของชาวบ้านอยู่เสมอ ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัวและไม่รู้จะทำอย่างไรกับวิญญาณม้า จึงได้มาพบหลวงพ่อบัวและขอร้องให้ท่านช่วย

ทำให้หลวงพ่อบัวต้องทำการสะกดวิญญาณ ถ้าสังเกตุดีๆ จะพบว่ามีคนเอาแผ่นทองไปปิดที่รูปวาดม้าด้วย ภายหลังไม่ทราบแน่ชัดว่าด้วยเหตุอันใด หลวงพ่อบัวจึงได้ทำการ สะกดวิญญาณทั้งม้า และพระพุทธรูปทั้งหมดในวิหารนี้

ท่านเจ้าอาวาสยังเล่าต่ออีกว่า สมัยก่อนมีการทำพิธีคุณไสยโดยตอกตะปูไปที่ภาพวาดของม้าตัวนี้ แต่ตอนนี้ตะปูหายไปไหนไม่รู้ ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่หันหน้าเข้าหารูปวาดม้า ก็มีคนเอากระถางธูปมาวางหน้าองค์พระเพื่อจุดธูปขอหวย แต่ภายหลังภาพวาดม้าได้มีการทาสีทับใหม่แล้ว (ตามรูปที่เห็นด้านบน)

ภายในวิหารค่อนข้างเก่าเหมือนถูกปล่อยทิ้งร้างไว้เลยคะ มีเศียรพระเก่า (ใบหน้ายิ้ม) ถ้าเข้ามาในวิหารตอนดึกๆ คงจะหลอนน่าดู