thieves found many treasures in the prang tower
the ruins of the building is located in front of the prang
the best photo spot is in front of the door frame
the prang stands perfectly behind the door frame
The view from the prang
the ruins in the temple compound
Wat Ratchaburana
Update : July 17, 2023
It's located in the area of the Ayutthaya Historical Park, near Wat Mahathat. The temple became known to the public in 1956 after the newspaper reported that thieves had broken into the prang tower and found many treasures. But sadly, the police weren't able to confiscate all the stolen treasures.
Shortly after that, the Fine Art Dept. restored the prang. And they found some treasures inside during the restoration. Today, those treasures are displayed in Chao Sam Phraya National Museum.
After this news was published in newspapers, it was doubtful whether those treasures were hidden by local people just before the fall of Ayutthaya. But Actually, the people of Ayutthaya intended to offer the treasures to the god and hoped to find them all in the next life.
Anyway, for those who want to admire the beautiful scenery on the prang tower, you can climb the staircase of the prang.
History of the temple
This temple was built by the 7th king of Ayutthaya, commonly known as Chao Sam Phraya in 1424. He was regarded as one of Thai history's wisest kings. He was able to extend Ayutthaya's territory to include Lanna and Cambodia.
Chao Sam Phraya was a son of King Intharacha I. He had two elder brothers namely Chao Ai and Chao Yi. During that time, Chao Sam Phraya and his two brothers were sent to rule other cities.
Later, they heard that their father passed away. The two brothers brought the troops back to Ayutthaya and then fought each other to be the next king. But they both passed away and leaf the throne to Chao Sam Phraya.
When Chao Sam Phraya ascended the throne as King Borom Rachathirat II, the king ordered the construction of Wat Ratchaburana on the cremation site of his two brothers as a memorial to his brothers.
วัดราชบูรณะ
วัดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อยู่ใกล้กับ วัดมหาธาตุ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมวัดใหญ่ชัยมงคลไม่ได้อยู่ในการดูแลของอุทยานฯ ด้วย ทั้งที่เป็นวัดเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จำง่ายๆ เลยคือ วัดเก่าแก่ที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ ทางอุทยานฯ จะเข้ามาดูแล
วัดราชบูรณะกลับมาชื่อเสียงอีกครั้ง หลังจากที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า "มีกลุ่มคนร้ายได้ลักลอบขุดกรุ ภายในปรางค์ประธาน ในปี พ.ศ.2499 และได้พบสมบัติจำนวนมาก" ถึงแม้ในภายหลังตำรวจจะจับคนร้ายได้ แต่สมบัติบางส่วนก็ไม่ได้กลับคืนมา
หลังจากนั้นกรมศิลปากรได้เข้าไปบูรณะ และได้พบทรัพย์สมบัติที่เหลือบางส่วน ปัจจุบันทรัพย์สมบัติเหล่านั้นถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ในตอนนั้นหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เครื่องทองและของมีค่าภายในกรุวัดราชบูรณะ เป็นทรัพย์สมบัติที่ชาวบ้านแอบนำไปฝังไว้ในวัดก่อนกรุงแตก ทางกรมศิลปากรจึงได้ออกมาไขข้อสงสัย โดยให้คำตอบว่า ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเป็นของคนในกรงุศรีอยุธยา ที่ตั้งใจนำมาเป็นของถวาย เป็นเหมือนการฝากของมีค่าไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อผู้ฝากจะตามไปเบิกใช้ในชาติหน้า
สำหรับใครที่อยากขึ้นไปชมบรรยากาศด้านบนปรางค์ประธาน ก็เดินขึ้นบันไดไปได้เลย ถึงแม้อากาศจะร้อนแต่รับรองว่าจะได้ภาพสวยๆ กลับไปบ้านอย่างแน่นอน
ประวัติวัด
วัดนี้สร้างโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา (กษัตริย์ลำดับที่ 7 ของอยุธยา) ในปี พ.ศ.1967 เจ้าสามพระยาได้รับการยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถพระองค์หนึ่ง ท่านสามารถขยายอาณาเขตการปกครองของอยุธยาไปจนถึงล้านนาและกัมพูชาได้
เจ้าสามพระยาเป็นโอรสองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระนครอินทราธิราช (กษัตริย์ลำดับที่ 6 ของอยุธยา) ในขณะนั้นเจ้าสามพระยาและพี่ชายอีก 2 คน คือ เจ้าอ้าย และเจ้ายี่ ถูกส่งไปปกครองหัวเมืองต่างๆ
ต่อมาเมื่อพระราชบิดาสวรรคต พี่ชายทั้งสองจึงรีบยกทัพกลับมากรุงศรีอยุธยา เพื่อหวังได้ครองราชสมบัติ และได้มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกันบนหลังช้าง (ยุทธหัตถี) จนสิ้นชีพทั้งคู่ ส่วนเจ้าสามพระยาซึ่งไปปกครองเมืองพิษณุโลก ก็ได้เดินทางกลับมาด้วยเช่นกัน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าพี่ชายทั้งสองได้จากไปแล้ว ท่านจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แทนพี่ชาย
เมื่อเจ้าสามพระยาได้ขึ้นครองราชย์ ท่านให้นำศพของพี่ชายทั้งสองมาถวายพระเพลิงร่วมกัน พร้อมกับสร้างวัดราชบูรณะขึ้นในบริเวณที่ถวายพระเพลิงนั้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่พี่ชายทั้งสอง